วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

VESPA 90 Series ผลิดอก ออกผล "รถเล็กพลังช้าง" จากตระกูล "สมอลล์ เฟรม"

VESPA 90 Series
ผลิดอก ออกผล "รถเล็กพลังช้าง" จากตระกูล "สมอลล์ เฟรม"




     ไลน์ผลิตหนึ่งที่ถูกซุกไว้ในสารบบของรุ่น 90 ซีรี่ส์ คือรถ "หัวเหลี่ยม" เวอร์ชั่นที่เรียกกันติดปากว่า Special ซึ่งต่างก็ได้รับการถ่ายทอดหน้าตาจากรุ่น 50 Special ที่เผยตัวให้เห็นครั้งแรกในปี 1969


       เจอกันเป็นแพ็กต์...กับ "รถเล็ก พลังช้าง" ที่ถูกขุดขึ้นมาจาก...กรุ!!! แห้งๆ เดิมๆ ผลผลิตอิมพอร์ต "ระดับมิวเซียม" ที่ต้อง... ซี๊ดดดดเม้าท์...คันหนึ่ง "สเปร์" คันหนึ่ง "เรเซอร์" แน่นอน นั่นไม่ใช่ "นิคเนม" รถโหลๆ ที่เห็นกันได้ดาดๆ ตามท้องถนน ทว่า นี่คือรถ "เฟรมเล็ก" ที่สวยจัดระดับ...ประกวด...!?!?!


     เวอร์ชั่นรถเล็กจากตระกูล Small Frame ไลน์ผลิตจากโรงงาน Piaggio เริ่มเผยโฉมให้ได้เห็นครั้งแรกในปี 1963 บอดี้ขึ้นรูป แบบชิ้นเดียวที่ทันสมัยได้รับการขานรับเป็นอย่างดี เครื่องยนต์สูบตั้ง ทำมุม 45 องศา คือความแปลกใหม่ที่ได้รับการสร้างสรรค์ อเนกประสงค์ ประหยัด และคล่องตัว นี่คือ "ธง" ในการสร้างสรรค์ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นสตรี รวมถึงละอ่อน ที่ริอยากจะมีรถ สกู๊ตเตอร์แบบชาวบ้านเขาสักคัน มันเป็นความชาญฉลาดสำหรับทีมออกแบบ นัยแฝงกับการปูพื้นฐาน และสั่งสมความคลั่งไคล้...ใน... แบรนด์ และประสิทธิภาพที่แตกต่างจากไลน์การผลิตของโรงงาน...จากเครื่องยนต์ระบาย ความร้อนด้วยพัดลมขนาดเพียง 1.45 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที บนปริมาตรกระบอกสูบที่ 38.4x43 มม. นั่นได้ความจุขนาด 49.77 ซี.ซี. ในบล็อกต้น ทว่า โรงงานเพิ่มทางเลือก สำหรับรถ "มวลชน" คันใหม่ ด้วยรถเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าที่ 3.6 แรงม้าที่ 5,250 รอบ/นาที บนมิติใหม่ที่ 47x51 มม. จนได้ความจุ ขนาด 88.5 ซี.ซี. แน่นอน ว่าออปชั่นดั้งเดิมที่เป็นแบบเบาะเดี่ยวบนแป้นสปริงซับ ก็ถูกนำเสนอด้วยเบาะยาวตอนเดียวที่เรียกว่า "Tourismo Seat" แถมได้ชื่อเรียกติดปากเป็นนิคเนมเก๋ๆ ว่า...Lusso Version...!!!

Vespa 90 Series



     จากรถ "ทางเลือก" กลายเป็นรถ "ทางหลัก" ที่โรงงานต้องให้ความใส่ใจ Vespa 90 (V9A1M) ในแบบ "แตกหน่อ" ได้รับการสัง คายนาและส่งตรงสู่ตลาดที่กำลังอ้าแขน ความโดดเด่นที่หน้าตาของรถ "ถังกลาง" ในนามของรุ่น Vespa 90SS (Super Sprint) ก็เกิดขึ้นในปี 1965 มันไม่ "ได้ใหม่" เพราะเป็นอานิสงส์ติดตัวจาก Vespa 50SS ทว่า กลับ "ได้ใจ" จากความลงตัวหลังเครื่องยนต์ มากความจุถูกใช้ นี่คือรถสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยภาพลักษณ์ที่แคบจากการหั่นบังลมหน้า แฮนเดิ้ลบาร์ก็ถูกปรับลด องศาลง ตามเหตุผลเรื่องอากาศพลศาสตร์...ถูก...ยกเป็นประเด็นหลักในการสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้หน้าที่หลักของ Vespa 90SS จึงได้รับการปรับแต่งเพื่อภารกิจพิเศษในสนาม ตลอดจนรายการแข่งขันแรลลี่ที่แสนหฤโหด...จาก...เครื่องยนต์รถตลาดขนาด 3.1 แรงม้า ถูกอัพเกรดเป็น 5.1 แรงม้า บนกำลังอัดที่เพิ่มจาก 7.8 : เป็น 8.7 : 1 นี่ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับรถเล็ก "มันเจ๋ง" ในเซอร์กิต ทว่า ในด้าน ประโยชน์ใช้สอยทั่วไป กลับเป็นปัญหา "ถังกลาง" เป็นอุปสรรค จะขึ้น จะลง กระทั่งวางของ ก็ดูเคอะเขินไม่สะดวกสบาย หากจะหาซื้อ มาใช้สอยตามวัตถุประสงค์ก็ดูจะไม่เหมาะสม โรงงานรับรู้ข้อมูลด้านการตลาดนี้ จึงดร็อป การผลิตลง กระทั่งยุติอย่างถาวรในปี 1971 โดยมียอดผลิตออกจำหน่ายเพียง 5,300 คัน เท่านั้น ด้วยสรรพคุณเด่นๆ ที่ไม่น่าจะต้องสูญเปล่า "รถตลาด" อารมณ์สปอร์ตๆ บังลมเต็ม กับแฮนเดิ้ลบาร์มาตรฐานก็ถูกเข็นออกสู่ตลาดอีกครั้ง ผู้บริโภครู้จักกันในนาม Vespa 90 Racer (V9SS2M) ทว่า ก็กลับมีอายุขัย ไม่ยืนยาวนัก (1971-1974) มันยังเป็น "รถสปอร์ต-เครื่องแรง" ที่ไม่เหมาะนำมาใช้งาน


     มี...ไลน์ผลิตหนึ่งที่ถูกซุกไว้ในสารบบของรุ่น 90 ซีรี่ส์ รถ "หัวเหลี่ยม" เวอร์ชั่นที่เรียกกันติดปากว่า "สเปเชี่ยล" (Special) ด้วย หน้าตาที่หยิบยืมจากรุ่น 50 Special ที่เคยปรากฏกายให้เห็นในปี 1969 (V5A2M) และผลิตต่อเนื่องอีก 2 รุ่นกระทั่งปี 1983 จากหน้าตาเด่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ โรงงานเพิ่มออปชั่นด้วยเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้น เสมือนเป็นทางออกให้ 90 Special กระตุกยอดขาย อีกสักรอบ ทว่า ในไลน์ผลิตแท้ๆ ของโรงงาน กลับไม่มีการอ้างอิงรุ่น 90 Special อย่างเด่นชัดนัก มันถูกบรรจุอยู่ในไลน์ผลิตของรุ่น Vespa 90 เท่านั้น (เครื่องยนต์ 3.1 แรงม้า) ที่สืบเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี 1963-1984...!?!?!


VESPA 90
1963-1984
V9A1M
1001-300026
VESPA 90 SUPER SPRINT
1965-1971
V9SS1M
1001-6309
VESPA 90 RACER
1971-1974
V9SS2M
7001-10516


Small Detail
รถ
PIAGGIO / Vespa
รุ่น / ปี
1972 Vespa 90 Racer
1976 Vespa 90 Special
เครื่องยนต์
1 สูบ 2 จังหวะ 88.5 ซี.ซี.5.1 แรงม้า @ 5,250 rpmระบายความร้อนด้วยพัดลม
1 สูบ 2 จังหวะ 88.5 ซี.ซี. 3.1 แรงม้า @ 5,200 rpm ระบายความร้อนด้วยพัดลม
ระบบไฟ
ทองขาว 6 v
ระบบเกียร์
4 เกียร์ (มือ)
3 เกียร์ (มือ)
ระบบคลัตช์
เปียก (หลายแผ่น)
ระบบจ่ายน้ำมัน
คาร์บูเรเตอร์ Dell'orto SHB 16/16
ระบบขับเคลื่อน
เฟือง
ระบบโช้คอัพ (หน้า / หลัง)
คอยล์สปริง / โช้คกระบอก (ไฮดรอลิก)
ระบบเบรก (หน้า / หลัง)
ดรัมเบรก (ดุมหน้าหน้า 125 มม. / หลัง 135 มม.)
ล้อ / ยาง (หน้า / หลัง)
3.00 X 10 นิ้ว
ความจุเชื้อเพลิง
5.2 ลิตร
กว้าง / ยาว / สูง
610 / 1,650 / 995 มม.
ฐานล้อ
1,160 มม
น้ำหนัก
74.5 กก.

อ้างอิง :
THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown
: http://www.scooterhelp.com/scooters

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถเวสป้า (150 cc ที่ใช้กันทั่วไป )

วิธีถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถเวสป้า (150 cc ที่ใช้กันทั่วไป )

1.จอดรถโดยขึ้นขาตั้งให้ตรงบนพื้นเรียบ 2.คลายสกรูถ่ายน้ำมันเครื่องใต้เครื่อง ถ้าเป็นของเดิมจะเป็นเบอร์ 11 บางทีอาจมีแหวนไฟเบอร์สีแดงติดมาด้วย เอาทิ้งไปได้เลย เพราะแหวนไฟเบอร์มันจะแตกยุ่ยเมื่อขัน กัน น้ำมันไม่อยู่ 3.ถ่ายน้ำมันเครื่องลงในภาชนะที่เตรียมไว้ 4.รอจนน้ำมันเครื่องไหลออกมาจนหมด แล้วใช้น้ำมันเบนซินล้างเกลียว และเป่าเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตาม เกลียวให้สะอาด 5.หาแผ่นมิเนียม หรือเศษปะเก็นทองแดง มาเจาะรูทำเป็นปะเก็นกันน้ำมันซึม แล้วขันสกรูกลับตามเดิม ใช้แรงขันพอตึงมือ เพราะถ้าแรงไปอาจทำให้เกลียวรูดได้

วิธีเติมน้ำมันเครื่อง

1.คลายสกรูเบอร์11 ตามตำแหน่งดังรูปข้างล่าง 2.หาท่อนไม่มารองขาตั้งให้รถเอียง 3.ใช้ขวดบีบน้ำมันใสๆ ฝาแหลมๆสีแดง มีขายตามคลองถมหรือร้านทั่วไป ราคาขวดละ 10 บาท ใส่น้ำมัน เครื่องพอเต็มขวดแล้วบีบใส่ประมาณ 2 ขวด
ถ้าเผื่อก็ ใส่3 ขวด เอาท่อนไม้ออก น้ำมันจะล้นออกมาทางรู เติมนิดหน่อย
ตามรูปข้างล่าง เป็น อันใช้ได้ 4.ล้างทำความสะอาดสกรูและเกลียวที่แคร้งให้เรียบร้อยแ ล้วขันสกรูตามเดิมให้พอตึงมือ
ใช้แผ่นปะ เก็นทองแดงกันน้ำมันซึมด้วยหรือจะใช้หางปลาทองเหลืองตัดเอาเฉพาะ
ส่วนที่เป็นแหวน กลมๆ ก็ได้
Image and video hosting by TinyPic

เครื่องมือและอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดรถVespa

เครื่องมือและอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดรถVespa
ของหลักๆที่ควรมี
- สายครัช 2 สายเกียร์ 2 สายเบรค 1
- หัวเทียน 1-2 หัว (เก่าใหม่ปนๆกัน)
- ประแจ ตั้งแต่เบอร์ 7 - 21 (เน้นเบอร์ 7 สำคัญมาก)
- คีม 3 อย่าง(บางครั้งใช้แทนประแจเบอร์ 7 ได้)
- ไขควงเปลี่ยนหัวได้ (แบน/แฉก)
- บล็อคหัวเทียน
- ****โอโตลู๊ป(สำคัญมากที่สุด)***** - กระดาษทราย
- น็อตตัวผู้ ตัวเมีย ขนาดต่างๆ (มีไว้ไม่อับจน)
- สายไฟ หรือ เคเบิ้ลไทส์ (ไว้รัดเวลาที่ไม่มีน็อตให้ใส่ 55+)
- ถุงมือ(สำหรับกันเล็บดำ มือดำ เหมาะสำหรับผู้ที่รักสวยรักงาม)
- ผ้าซักผืน (ไว้เช็ด)

ของรองมาที่ควรมี
- หลอดไฟหน้า-หลัง (สำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องไฟขาดบ่อย)
- สำหรับท่านที่ไม่มีล้ออะไหล่ ควรมียางในติดรถไว้ 1 เส้น
- ไฟฉายเล็กๆ(จะสำคัญมากตอนกลางคืน เวลาหลอดไปหน้าขาด 55+)
- สายยาง (ไว้ดูดน้ำมันชาวบ้าน 55+)
- ฟองน้ำ ซันไลท์/ผงซักฟอก (ไว้ล้างเวลามือดำ กะไว้ล้างรถบ้านเพื่อน 55+)
- สำหรับโทรศัพท์แบบเติมเงิน ควรมีสำรองไว้ไม่ต่ำกว่า 50 บาท
(สำหรับโทรหาตัวช่วย เวลาอับจนหนทาง)

สิ่งที่ต้องทำเมื่อคุณทิ้งรถไว้นานๆ

สิ่งที่ต้องทำเมื่อคุณทอดทิ้งรถไว้นานๆ
       เมื่อ ยามใด ที่เราจะต้องห่างไกลเจ้ารถสุดที่รักของเรา อาจจะเป็นเดือน เป็นปี โดยที่ไม่มี คน ดูแลให้ เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง? เพื่อให้รถคู่ใจสุดที่รักของเรายังคงสามารถกลับมาขี่ ได้ดังเดิม เมื่อเราต้องการใช้งาน วิธีปฏิบัติที่แนะนำมีดังนี้
1. ล้างรถก่อนเก็บ เหตุที่ผมแนะนำให้ล้างรถก่อนทำการดองเค็มเก็บไว้ก็เพ ราะว่า เราจะได้ สามารถตรวจสอบจุดที่บกพร่อง ตามส่วนต่างๆ ของรถได้อย่างทั่วถึง ทุกซอกทุกมุม ซึ่งขณะ ที่เรา ล้างรถ ก็ควรตรวจสอบให้ดีๆ และควรล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้งและถ้าเป็นไปได้ ควร ชะโลม น้ำมันจักร ตามส่วนที่คาดว่าจะขึ้นสนิมได้ง่าย
2. เติมน้ำมันให้เต็มถัง ก็เพราะว่า ปกติแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบรรยากาศ ภายนอก ซึ่งก่อให้เกิดการควบแน่นกลายเป็นหยดในเกาะในถังน้ำม ันได้ เราจึงควรเติมน้ำมัน ให้เต็มถัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหยดน้ำเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่มาแห่งสนิมได้
3. ปล่อยลมยางให้เหลือแค่ตึงๆ เพื่อรักษาโครงยางเอาไว้ และรักษาจุ๊บเติมลมอีกด้วย
4. อย่าให้ล้อแตะพื้น เพราะว่า ถ้าคุณเกิดต้องจอดรถไว้นานแน่นอนว่า ลมยางต้องซึมออก และยางส่วนที่สัมผัสพื้นจะแบน ทำให้ยางไม่กลม ถ้าหากมาขาตั้งกลางก็สะดวกหน่อย แต่หาก ไม่มีต้องหาอะไรมาค้ำยันใต้ท้องให้ลอยเอาไว้
5. ถอดแบตเตอรี่ออก จะนำแบตไปใช้อย่างอื่น หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะถ้าใส่ทิ้งไว้ ไฟหมด แน่นอน
6. เช็คระดับของเหลวในเครื่องยนต์อย่าให้ขาด เช่น พวกน้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ เพื่อ ป้อง การ การเกิดสนิมในเครื่องและในหม้อน้ำ
7. อุ่นเครื่องก่อนเก็บ ควรที่จะทำการอุ่นเครื่องก่อนเก็บเพื่อที่จะให้น้ำมั นเครื่องได้มีการ หมุนเวียน และไปเคลือบชิ้นส่วนที่อยู่ด้านบนของเครื่อง เช่น วาล์ว หรือแคมชาร์ฟ ฯลฯ ให้มากที่สุด
8. คลุมแต่พอดี ควรหาผ้าคลุมรถ มาคลุมไว้ แต่อย่ามิดชิดเกินไป เพราะจะกลายเป็น ที่อาศัยของบรรดาสัตว์ประหลาดทั้งหลาย เช่น พวกแมลงสาบ หนู งู ฯลฯ ซึ่งจะมากัด กินสายไฟ และทำรถท่านเจ๊งได้
9. หาคนช่วยสตาร์ทเครื่อง ถ้าเป็นไปได้ ควรจะวานคนที่พอจะมีความรู้เรื่องรถบ้าง ช่วยสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้สัก 10-15 นาที/วัน จะเป็นเรื่องที่ดีมาก (กรณีนี้ แบตฯ ไม่ต้องถอดออกก็ได้)
เท่านี้คุณก็สบายใจได้แน่นอนแล้ว่าเมื่อคุณกลับมา มันจะไม่ทรยศคุณ ปลุกเมื่อไหร่มัน
จะตื่นขึ้นมาทันที ไม่มีงอแงแน่นอน

ประวัติรถเวสป้า

ประวัติรถเวสป้า
Dott. Enrico Piaggio เกิดเมื่อ 22 ก.พ. 1905 เป็นบุตรชายของ Rinaldo Piaggio จบการศึกษาที่ Genoa ทางด้าน Economic และ commerce เข้าร่วมธุรกิจของครอบครัวในปี 1928 ตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน Pontedena ภายหลังในปี 1938 พ่อของเขาได้เสียชีวิตลง Enrico จึงได้รับภาระบริหารงานทั้งหมด
        University of Pisa มอบปริญญาเอกทางด้าน วิศวกรรมให้ Enrico เขาเสียชีวิตลงในปี 1965 หลังจากผลิตรถเวสป้า ส่งขายทั่วโลกครบ 1000000 คัน
 หลังสงครามโลกครั้งที่2 จบลง โรงงานของ Enrico ถูกทำลายจากาการทิ้งระเบิดของเยอรมัน ในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจการต้องการพาหนะที่ประหยัดมีมาก จึงทำให้ Enricoเกิดความคิดที่จะนำชิ้นส่วนต่างๆๆในโรงงานนี้มาสร้างพาหนะนั้นนะที่มี คุณสมบัติระหว่าง Motorbike กับรถยนต์ในเดือนเมษายนปี 1945 Corradino D’Ascanio นักออกแบบในโครงการนี้ได้ ร่างภาพออกมาตัวถัง ทำจากเหล็ก แผ่นที่มีสันกระดูกกลางใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 4-5 แรงม้า วางอยู่ตำแหน่งหลังเพื่อป้องกันการสกปรก ไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆๆไปที่นั่งมีบังลมป้องกันเสื้อผ้าและขา และสิ่งหนึ่งที่เขาบุกเบิกคือ การเปลี่ยนเกียร์ที่คันบังคับจากมือซ้ายและโยงไปยังเครื่อง เมื่อ Enrico ได้เห็นแบบร่างในครั้งแรกเขาตั้งชื่อมันว่า Vespa เพราะมีรูปร่างคล้ายๆๆตัวต่อ(Wasp)

































ผมไม่ชำนาญด้าน vespa นะครับ เอาพอที่หามาได้ละกัน